นิทานพลิกชีวิต : เศรษฐีกับสีเขียว
มีเศรษฐีคนหนึ่งมีฐานะร่ำรวยมาก แต่ป่วยด้วยอาการปวดหัวตลอดเวลา จึงได้ประกาศว่าถ้าใครสามารถรักษาเขาให้หายจากโรคนี้ได้จะยกสมบัติให้ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ได้มีหมอและผู้เชี่ยวชาญมากมายมาเพื่อหาทางรักษา แต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาโรคนี้ให้กับเศรษฐีได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเศรษฐีก็ได้พบกับฤาษีตนหนึ่งแล้วบอกกับเศรษฐีว่า โรคนี้รักษาไม่ยากเลย เพียงแค่ท่านมองอะไรๆให้เป็นสีเขียวให้หมดก็เท่านั้นเอง
เศรษฐีก็ทำตามเพราะคิดว่าตัวเองน่าจะเครียดจนเกินไปถ้าเห็นอะไรๆเป็นสีเขียวก็น่าจะสดชื่นขึ้น ทำให้โรคนี้ดีขึ้น จึงให้คนทาสีอาคารบ้านเรือนทุกอย่างเป็นสีเขียว รวมทั้งซื้อเสื้อผ้าให้ชาวเมืองทุกคนใส่เป็นสีเขียวหมด
จนกระทั่งวันหนึ่งฤาษีตนนี้ได้กลับเข้าเมืองมา และเจอกับช่างทาสีของเศรษฐีเข้า ช่างทาสีคนนี้ก็ไม่ยอมให้ฤาษีเข้าเมืองเพราะชุดลายเสือของฤาษีที่จะทำให้เศรษฐีกลับมาปวดหัวได้อีก แต่ฤาษีก็หนีมาพบกับเศรษฐีจนได้ แล้วก็กล่าวว่าท่านจะวุ่นวายทำให้ทั้งเมืองเป็นสีเขียวทำไม เพียงแค่ท่านใส่แว่นสีเขียว ท่านก็มองทุกอย่างเป็นสีเขียวแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้เราคิดได้ว่า ถ้าเราไม่พอใจอะไรสักอย่าง สิ่งที่เราควรจะแก้ไขคือ "ตัวเรา" ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา เพราะเมื่อไหร่ที่เราแก้ไขที่ตัวเราเองได้ สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรามันจะเปลี่ยนไปเอง
ตัวอย่างเช่น ต่อให้เราเกิดมามีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่าคนอื่น เราก็แค่หาความรู้ใส่ตัวมากๆ เรียนรู้จากการลงมือทำ ถ้าเราเรียนรู้เพิ่มขึ้นเพียงวันละ 1% ในระยะเวลา 1 ปีเราก็จะดีขึ้นกว่าตัวเราในวันนี้ถึง 365% เลยทีเดียว และแน่นอนสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามันก็จะเปลี่ยนไปด้วยอย่างแน่นอน