นิทานพลิกชีวิต : พนักงานขายรองเท้า

บริษัทขายรองเท้าต้องการขยายตลาดจึงส่งเซลล์2คนไปดูตลาดที่แอฟริกา

คนแรกที่ลงเครื่องบินก็สังเกตเห็นว่าคนที่นี้ไม่สวมรองเท้ากันเลย ก็กลับมาบอกผู้บริหารว่ามันไม่มีโอกาสที่เป็นไปได้ในการขยายตลาดที่นี้เลย เพราะคนที่นี่ไม่สวมรองเท้า…
แต่เซลล์คนที่2กลับมาบอกว่า เราจะรวยกันใหญ่แล้วเพราะที่นี่ไม่มีใครมีรองเท้าเลย ถ้าเราอธิบายถึงประโยชน์การสวมรองเท้าได้ เราจะขายดีมากๆเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าโอกาสมันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน หลายๆคนปิดโอกาสของตัวเองเพียงเพราะเห็นแต่ความเป็นไปไม่ได้ แต่ในทุกๆวิกฤตจะมีคนพลิกชีวิตตัวเองจากสถานการณ์ที่ใครหลายๆคนเห็นแต่ความเป็นไปไม่ได้

อย่างในช่วงวิกฤตโควิดหลายๆคนมองว่ามันคือโชคร้าย แต่มีใครบางคนเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาเติบโต ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นั้นก็คือการที่เขาเรียนรู้ที่จะปรับตัว ไม่ยึดติดกับอดีตหรือความสำเร็จเดิม เราต้องให้ตัวเราเองคิดบวก คิดเป็น เห็นโอกาสในทุกๆสถานการณ์ที่มันซ่อนอยู่

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

สำเร็จก่อนไม่ได้หมายความว่าสำเร็จกว่า

ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจระยะยาว ก็เหมือนเราทำงานประจำเราไม่ได้ทำแค่ 1 วันเลิก หรือ 1 เดือนเลิก เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆที่จะสะสมความสำเร็จไปเรื่อยๆ เริ่มจากความสำเร็จเล็กๆก่อน สะสมทักษะต่างๆในแต่ละวัน

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ

การที่เราจะดูว่าเราจะไปต่อในธุรกิจนี้ได้ไหมอัดับแรกที่ต้องวัดคือตัวเราก่อน ในส่วนของทีมงานต้องไม่หยุดค้นหาคนที่ใช่ แล้วนำเขามาพัฒนา และรักษาไว้ คนที่เข้ามาต้องเข้าสู่ระบบเรียนรู้กับคนที่สำเร็จ ถ้าออกนอกระบบโอกาสสำเร็จน้อยมาก เพราะถ้าทำได้จริงก็คงสำเร็จเองไปนานแล้ว

Passport To Success

มีคำกล่าวที่ว่า "เราอยากเป็นคนแบบไหนก็ให้คบคนแบบนั้น" อยากเป็นคนร่ำรวย ก็คบคนรวย อยากเป็นคนมีความสุข ก็คบคนมีความสุข อยากเป็นคนสำเร็จ ก็คบคนสำเร็จ อยากเก่ง Online ก็คบคนเก่ง Online และไม่อยากเป็นคนแบบไหนเราก็ไม่คบคนแบบนั้น

นิทานพลิกชีวิต : ชาวนากับลาแก่

ถ้าเราไม่ยอมให้ปัญหานั้นมาถาทมเราได้แล้วใช้มันเป็นตัวทำให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆหรือพูดง่ายๆถ้าเราอยู่เหนือปัญหาหรือแก้ไขปัญหานั้นได้มันจะทำให้เราเก่งขึ้นในทุกๆครั้งที่เราเจอปัญหา