Mindset ผู้ประกอบการ
ลูกจ้างประจำ มีรายได้ตามที่นายจ้างประเมินเราจากงานที่เขาให้เราทำ หรือเรียกอีกอย่างว่าจากการ KPI เรานั่นเอง แต่เมื่อเรามาเป็นผู้ประกอบการ รายได้จะเป็นไปตามความสามารถของเรา 100% เราต้องประเมินตัวเอง รายได้ที่เราได้มามันจะเป็นตัวบอกเราว่าคุณภาพ "ความเป็นผู้ประกอบการ" ของเรามีแค่ไหน และสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการมือใหม่มักจะเจอก็คือ จะเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองว่า อาชีพนี้มันใช่ไหม เราจะทำได้จริงหรือเปล่า เราจะสำเร็จจริงเหรอ เผลอๆหรือเราโดนหลอกหรือเปล่า
ช่วงแรกๆของการทำงานคือความหนื่อย มันจะมีแต่ปัญหาสาระพัดเข้ามาทดสอบเรา มันจะเกิดอาการท้อเพราะเราไม่เคยทำมันมาก่อน แต่อาการแบบนี้เชื่อเถอะว่าเราไม่ได้รู้สึกคนเดียวในโลก ในขณะเวลาเดียวกันก็จะมีคนรู้สึกไปพร้อมๆกับเรา และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นก็มีคนที่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
คนที่เจอความรู้สึกหรือปัญหาแบบนี้จะมีอยู่ 2 ประเภทคือ
- ล้มเลิกไปเลย
- สู้ต่อไป แบบสู้ไม่ถอยกัดไม่ปล่อย เพราะรู้ดีว่าการอดทนอาจจะใช้เวลาแค่เพียง 1 ปีแรกหรือ 2-3 ปีเท่านั้น ทุกอย่างก็จะดีขึ้นแล้วจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลือได้ตามต้องการ เพราะถ้าอดทนกับงานประจำ ก็ต้องอดทนอย่างนั้นไปจนตลอดชีวิต และนั่นคือ "เราไปทำงานสร้างฝันให้เขาประสบความสำเร็จ ซึ่งมันไม่ใช่ความฝันของเรา"
คนที่สู้ไม่ถอยกัดไม่ปล่อย เมื่อเจอปัญหาเขาจะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ
- ปัญหาเล็ก ถ้าเจอปัญหาเล็กคนกลุ่มนี้ก็แค่คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ก้าวข้ามไป
- ปัญหากลาง อันนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องได้รับการแก้ไข อย่าหนีปัญหา ให้บอกกับตัวเองว่าทุกปัญหามันมีทางออก
- ปัญหาใหญ่ ถ้ามันมืดแปดด้าน ให้เราปรึกษาคนที่เก่งกว่าเคยผ่านประสบการณ์มาก่อน เขาย่อมมีทางออก เพราะเขาเคยผ่านมาแล้ว และที่สำคัญเขาไม่ได้จมอยู่กับปัญหาเหมือนเรา เขาจึงมองเห็นทางออก และที่สำคัญเราต้องให้พลังใจตัวเองว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวมีอีกหลายคนที่รักเราและเราก็รักเขา
หลายๆครั้งที่เราเห็นโพสต์ของคนสำเร็จ ซึ่งกว่าเขาจะมีภาพนั้นมาให้เราเห็นเขาเหล่านั้นก็ต่างผ่านปัญหามานับไม่ถ้วน ล้มลุกคลุกคลานมาก็เยอะ แต่เขาจัดอยู่ในสายพันธุ์ที่สู้ไม่ถอยกัดไม่ปล่อย เขาเลยมีภาพเหล่านั้นมาให้เราเห็น คนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะสร้างแรงบันดาลใจขึ้นมาเอง เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีว่า "ถ้าเรามีแรงบันดาลใจแล้ว เราจะสามารถใช้ใจนั้นมาบันดาลแรง"
บางคนรอแต่แรงจูงใจ ซึ่งถ้าเรามัวรอแต่แรงจูงใจนั่นหมายถึงมีคนอื่นมาจูงใจให้เราทำงานให้เขา ไม่ใช่เราทำเพื่อเป้าหมายเราเอง
วันนี้หากเราจะสร้างแรงบันดาลใจ อย่าไปแคร์หรือเกรงใจคนอื่นมากเกินไป เพราะถ้าเรามัวแต่ไปฟังเสียงวิจารณ์หรือคำนินทาคนรอบกายเรา สักวันเราจะได้ยินเสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวตัวเอง เพราะฉะนั้น "อย่าให้น้ำลายราคาถูก มาทำลายความฝันราคาแพง" ของเรา เราต้องปกป้องความฝันของเราไว้
จงจำไว้ว่า
- ถ้าท้อก็เป็นได้แค่ถ่าน ถ้าผ่านเราก็จะเป็นเพชร
- ความฝันไม่มีวันหมดอายุ ตราบใดที่เราไม่ล้มเลิกที่จะลงมือทำมัน